(หมากทุย หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง)
	#ลูกนี้เดิมทีถูกรถทับแตกมาครับ มีกระดาษสาจารยันต์ที่หลวงปู่เอี่ยมท่านได้จารอักขระไว้ด้านในชัดเจน
	 
	หมากทุยเป็น 1 ใน 9 ของเครื่องรางมงคลเมืองไทย ซึ่งมีการกล่าวเป็นโคลงกลอนกันไว้ว่า
	 
	"หมากดี ที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลัง วัดนายโรง 
	 
	ไม้ครู คู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบิน วัดหนองโพ
	 
	พิสมร วัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้าย วัดโตนดหลวง  
	 
	ราหู คู่วัดศรีษะ แหวนอักขระ วัดหนองบัว
	 
	ลูกแร่ ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน
	 
	เก้าสิ่งล้วนป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหา
	 
	ติดกายยามยาตรา ภัยมิกล้ามาแผ้วพานฯ"
	 
	การสร้างหมากทุยนั้น ประการแรกท่านจะให้ศิษย์ไปขึ้นต้นหมาก เพื่อเอาลูกหมากที่ตายพรายลงมา และลูกหมากนั้นจะต้องเป็นลูกหมากอ่อนที่มีขนาดเล็กพอเหมาะ ส่วนการจะขึ้นไปนั้นท่านจะสอนคาถาภาวนาให้
	 
	เมื่อเวลาขึ้นต้นหมากก็ต้องภาวนาทุกช่วงเวลาไต่ครั้นพอถึงแล้วก็ไม่ให้เอามือเด็ด แต่ให้ใช้ปากคาบ แล้วดึงจนลูกหมากขาดแล้วเวลาคาบไว้ในปากพร้อมกับภาวนาคาถากำกับทุกช่วงไปการขึ้นครั้งหนึ่งจะได้ไม่กี่ลูกเท่านั้น
	 
	เมื่อได้ลูกหมากตายพรายมาแล้วก็เปิดจุกด้านบนคว้าเอาเนื้อหมากด้านในออกให้หมด จากนั้นจึงเอาเม็ดพระธาตุ (หรือถ้าไม่มีก็เอากระดาษสาลงพระนามพระพุทธเจ้าด้วยอักขระแทน บางลูกพิเศษมีตะกรุดสาริกาใส่ไปด้วย)
	 
	เมื่อทำการปลุกเสกแล้วก็บรรจุไปด้านในแทนให้เต็ม จากนั้นก็เอาชันโรงใต้ดินมาอุดปิดทับด้านบนให้แน่น เพื่อป้องกันความชื้นและพวกตัวแมลง
	 
	การปลุกเสกกำกับด้วยพลังจิต จนเกิดอุดมนิมิต เป็นว่าลูกหมากนั้นลุกขึ้นตั้งได้เอง เมื่อปลุกเสกดีแล้วจะถือเป็นเครื่องรางชั้นดี " เรียกว่า หมากทุย วัดหนัง " ที่นักนิยมเครื่องรางของขลัง เสาะแสวงหามาครอบครองกัน มีสรรพคุณเด่นชัดในด้านทางอยู่ยงคงกระพัน ชาตรีชนิดที่ว่า " แมลงวันไม่กินเลือด "
	 
	อานุภาพการใช้ได้กล่าวไว้ว่าเมื่อนำติดตัวจะช่วยป้องกันทางด้านมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด และยังป้องกันภูตผีปีศาจ เมื่อมีสิ่งนี้พยายามหมั่นปลูกเสกกำกับด้วยคาถาพระเจ้าห้าพระองค์ว่า “นะโมพุทธายะ” อยู่เสมอ ๆการอารธนาใช้วิธีดังนี้
	 
	(ตั้งนะโม สามจบ) ระลึกคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ และเรียกชื่อผู้เป็นเจ้าของหมากทุยที่ท่านนับถืออยู่เป็นที่สุด แล้วใช้คาถามงกุฎเพชร พระพุทธเจ้า จากนั้นหนุนด้วยคาถามหาอุดดังนี้
	 
	“นะอุด โมอัด พฺทยัด ธาปิด ยะมิดชิดปิดปากกระบอก นะ พุทธผัดผิด ปิดด้วยนะโมพุทธายะ”