ส่วนหัวแบบฟอร์มล็อคอิน

ส่วนท้ายแบบฟอร์มล็อคอิน
เครื่องรางมาตราฐานทั้งหมด
ส่วนหัวของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย

ร้านค้าทั้งหมด :253 สินค้าทั้งหมด :11,185 ผู้ชมทั้งหมด :41,778,717 ผู้ชมวันนี้ทั้งหมด :1,686

ส่วนท้ายของกรอบสถิติเว็บไซต์เครื่องรางไทย
ส่วนหัวของกรอบแบนเนอร์
ปฏิทินงานประกวด
ส่วนท้ายของกรอบแบนเนอร์
ส่วนหัวของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนท้ายของกรอบร้านค้าแนะนำ
ส่วนหัวของกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด
ชื่อเครื่องราง :
รูปถ่ายหลวงปู่จัน วัดนางหนู จ.ลพบุรี เลี่ยมเงินโบราณ
ราคา :
มาใหม่
รายละเอียด :

(((...รูปถ่ายขนาดห้อยคอ หลวงปู่จัน วัดนางหนู จ.ลพบุรี...)))

หลวงปู่จันทร์ จันทโชติ” หรือ “หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จ.ลพบุรี” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสมัยสงครามอินโดจีนต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่กล่าวขวัญและเลื่อมใสศรัทธาสืบมาจนถึงปัจจุบันของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเมืองลพบุรี

 

มีนามเดิมชื่อ จัน หรือ จันทร์ สุดสาย เป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2395 ที่บ้านบางพุทโธ ต.ตลุง อ.เมือง จ.ลพบุรี

 

ในวัยหนุ่มเป็นคนพูดจริงทำจริงและเจ้าชู้ จนได้สาวงามแห่งบางพุทโธ 2 ศรีพี่น้องเป็นภรรยา ชื่อ นางสินและนางทรัพย์ มีบุตรด้วยกันรวม 4 คน

 

กล่าวกันว่า ร่ำเรียนวิทยาคมต่างๆ จากปู่ซึ่งเป็นจอมขมังเวท ทั้งยังชอบกินว่านและอาบว่าน เพื่อให้ผิวกายคงทนต่อศาสตราวุธต่างๆ และด้วยความมีใจนักเลง เป็นเหตุให้เกิดมีเรื่องราวกับคู่อริถึงขนาดทำร้ายกันจนถึงชีวิต ต้องหลบหนีอาญาจากบ้านเมืองไป

 

ซึ่งในระหว่างนั้นเอง ท่านมีโอกาสร่ำเรียนวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์และฆราวาสผู้ทรงพุทธาคมมากมาย หากแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นท่านใดบ้าง เมื่อพ้นอายุความในช่วงวัยกลางคน ท่านจึงหวนสู่ภูมิลำเนา ณ บางพุทโธ และตัดสินใจเข้าสู่ ร่มกาสาวพัสตร์ อุปสมบท ณ วัดบัว โดยมีพระสังฆภารวาหะมุนี (หลวงพ่อเนียม) วัดเสาธงทอง พระเกจิชื่อดังยุคนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “จันทโชติ”

 

ดำรงสมณเพศเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดอายุขัย

 

ขณะที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดบัว ท่านสังเกตว่า “วัดนางหนู” วัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น มีสภาพชำรุด ทรุดโทรมมาก จนเกือบจะเป็นวัดร้างและไม่มี พระภิกษุ-สามเณรจำพรรษา ท่านจึงขอย้ายไป จำพรรษาที่วัดนางหนู บูรณปฏิสังขรณ์ ตลอดจนสร้างเสนาสนะต่างๆ

 

ครั้นเมื่อชาวบ้านได้เห็นถึงความมุ่งมั่นก็เริ่มศรัทธามาร่วมแรงร่วมใจกัน จนวัดนางหนูมีความถาวรเป็นปึกแผ่นและเจริญรุ่งเรือง ต่อมาได้มีการสังคายนาชื่อวัดให้ถูกต้อง ตามทำเนียบสงฆ์ ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดมุกสิกกาวาส”

 

เพื่อตอบแทนน้ำใจญาติโยมที่สละทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ในการร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดครั้งนั้น หลวงปู่จันทร์ จึงสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังมากมาย อาทิ ตะกรุดไม้ไผ่ ตะกรุดไม้ลวก ตะกรุดสังวาล เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ สีผึ้ง รูปถ่ายอัดกระจก สายคาดเอว พระเครื่องเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น

 

เล่ากันว่า เมื่อครั้งสงครามอินโดจีน ประมาณปี พ.ศ.2484 ทหารหน่วยต่างๆ ต่างมุ่งสู่วัดนางหนู เพื่อขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่จันทร์ เป็นจำนวนมาก พร้อมสละทรัพย์หรือปัจจัยให้ท่านนำไปสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เงินทำบุญนั้นมากขนาดสร้างโบสถ์หลังใหม่ได้ทีเดียว

 

หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่จันทร์ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสดูแลปกครองวัดนางหนูสืบมา และชื่อเสียงของท่านก็โด่งดังไปทั่วภาคกลางในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิทยาอาคมเข้มขลัง เป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา ได้รับนิมนต์เข้านั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษกสำคัญ อาทิ พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อปี พ.ศ.2481 และพิธีปลุกเสก ?พระพุทธชินราชอินโดจีน? ณ วัดสุทัศน์ เมื่อปี พ.ศ.2485

 

ในบั้นปลายชีวิต ท่านสร้างวัดบางพุทโธ หรือวัดชนะสงคราม จนสำเร็จลุล่วง นัยว่าเป็นการล้างบาปที่ท่านได้เคยก่อไว้ในอดีต

 

มรณภาพในปี พ.ศ.2490 สิริอายุ 97 ปี ก่อนละสังขารได้เรียกพระครูพิพัฒน บุญญาธร ศิษย์เอกของท่านมาสั่งเสีย และท่านได้ครองจีวรพาดผ้าสังฆาฏิอย่างรัดกุม เข้านิโรธสมาบัติจากไปอย่างสงบ

ชื่อร้าน :
เบอร์โทรศัพท์ :
0859992828
จำนวนผู้ชมขณะนี้ :
1
ส่วนท้ายกรอบรายการเครื่องรางมาตราฐานล่าสุด